การท่องเที่ยวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในด้านต่างๆทั้งการงาน ความรัก การท่องเที่ยว และการใช้ชีวิต จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
ล่องเรือ ลอยกระทง ริมแม่น้ำปิง.....
ใครอยู่เชียงใหม่บางคะ คนเชียงใหม่ถ้าไปลอยกระทงต้องไปที่สะพานนวรัฐ หรือ แถวๆริมน้ำปิง
ตอนเด็กชอบไปงานลอยกระทงมากเลย แล้วเห็นเรือแล่นผ่านได้ เกิดคำถามว่า" ถ้าเราอยากนั่งบนเรือแล้วลอยกระทงท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงาม มีคนมาให้บริการอย่างดี มันจะมีความรู้สึกอย่างไงนะ" หลังจากนั้นมาก็คิดมาตลอด...จนได้ทำงาน..และมีเวลาพาคนที่เรารักได้ทำตามความฝันสมัยเด็ก
เริ่มแรกก็หาข้อมูลสิคะ
เลยรู้ว่าที่ร้านอาหาร รีเวอร์ไซค์ มีบริการล่องเรือดินเนอร์ บริการลูกค้าด้วยความหลากหลายของเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบไปด้วยอาหารไทยและสากล พร้อมการบรรเลงดนตรีแห่งยุคสมัย ทั้งเพลงประเภท Folk, Country & Western, Bob Dylan ฯลฯ และรสชาติของอาหารไทยและเทศที่แสนจะถูกปากในราคามิตรภาพ ความนิยมของร้านพุ่งขึ้นสูงมาก เมื่อนิตยสารทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มเขียนถึงกันบ่อยขึ้น และ The Riverside ก็ได้รับการบรรจุไว้ในหนังสือคู่มือแหล่งท่องเที่ยวในภาษาหลักต่าง ๆ หลายภาษา จวบจนปัจจุบัน หนังสือท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ ก็ไม่พลาดที่จะแนะนำ The Riverside ต่อนักท่องเที่ยวในหนังสือของตน
เวลาให้บริการ
ต้องมาก่อนเวลา 1 ทุ่ม เพื่อสั่งอาหารก่อนลงเรือ
ค่าบริการ ค่าลงเรือคนละ 200 บาท แต่ช่วงเทศกาล คนละ 300 บาท
เรือจะออกจากท่า ตอนเวลา 2 ทุ่ม แล้วใช้เวลาล่องเรือ ประมาณ 75 นาที
แล้วเราก็ได้ล่องเรือ ลอยกระทงได้จริงๆ สนุกและมีความสุขมากเลยคะ จากความฝันในวัยเด็ก ตอนนี้รู้สึกว่าการได้ล่องเรือโรแมนติกเช่นไร
ใครสนใจสามารถติดต่อได้คะ สำรองที่นั่งไว้ก่อนแต่เนิ่น ๆ ที่หมายเลข 053-243239
**** ลองใช้เวลาดีๆกับคนที่เรารักดูสิคะ แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขมากขนาดไหน****
วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
ใครๆก็อยากรวยด้วย Passive Income (แล้วมันคืออะไร???)
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า " Active Income" คืออะไร....?
Active income คือ รายได้ที่ได้มาจากการทำงาน เป็นรายได้ของคนส่วนมากในปัจจุบัน เป็นรายได้ที่เกิดจากการทำงานของเรา ถ้าหากว่าเราหยุดทำงาน เราก็จะขาดรายได้ ดังนั้นการหารายได้แบบ active income เราจะไม่สามารถหยุดการทำงานของเราได้เลย เช่น พนักงานออฟฟิศ ลูกจ้างประจำ ซึ่งรายได้ที่ได้มาจะต้องแลกกับแรงงานของเรา รวมถึงเวลาในชีวิตของเรา เราต้องทำงานทั้งชีวิตเพื่อรายได้ประเภทนี้ หลายคนอาจพอใจที่จะทำงานที่ได้รายได้ประเภทนี้ แล้วเก็บรายได้ที่ได้มาเอาไว้ใช้ตอนเกษียนหรือชรา แต่ก็อาจลืมไปว่าตอนนั้นร่างกายของเราก็ทรุดโทรม ไม่เหมือนตอนหนุ่มสาวที่สุขภาพแข็งแรง สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวก ความรู้สึกที่ได้รับจากการมีอิสรภาพทางการเงิน ณ เวลานี้กับตอนชรา คงต่างกันไม่น้อยเลยทีเดียว ยกตัวอย่างอาชีพที่เป็น Active income เป็นอาชีพที่ใช้ทั้งเวลา แรงกาย ต้องทำทุกวันเพื่อแลกกับเงิน เช่น กรรมกร ครู ค้าขาย พนักงานออฟฟิศ พนักงานทั่วไป แม่ค้าขายผลไม้ เป็นต้น ส่วนใหญ่เราจะทำงานแบบ active income เยอะมากคะ รายได้ที่เข้ามาไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป ไม่ค่อยมีเงินเก็บมาก ต้องทำงานทุกวันถ้าไม่ทำ ไม่ได้เงิน.....
นั้นคือความหมายของคำว่า Active income......
ส่วนคำว่า " Passive Income" คืออะไร...???
แปลตรงๆ ตัว Passive Income ก็คงแปลได้ว่า “รายได้เชิงรับ” รายได้เชิงรับ ก็คือ “รายได้ที่ไม่ได้มาจากการที่เราออกแรงทำงานโดยตรง” จินตนาการง่ายๆ ว่า “ในวันใดที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ยังมีเงินไหลเข้ากระเป๋าเราอยู่อย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งรายได้ดังกล่าวไม่ใช่มาจากการฉ้อโกง หรือเอาเปรียบใคร แต่มาจากระบบงานที่เราทำไว้ก่อนหน้าแล้ว ไอ้เงินก้อนที่ว่านั้นแหละครับที่เราถือว่าเป็น Passive Income หรือ “รายได้เชิงรับ” แม้เราไม่มีชีวิตอยู่ รายได้ก็ยังคงอยู่ตลอดไป
cr. เหนื่อยชั่วคร่าว สบายชั่วโครต
ข้อดีของ รายได้แบบ Passive income ก็คือ เราไม่ต้องทำอะไร เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ให้ได้รายได้กลับมาเลย รายได้มันจะวิ่งเข้ามาเอง เราแค่เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้เรียบร้อย ที่เหลือก็ปล่อยให้ระบบของมัน ทำทุกอย่างออกมาเอง เราสามารถใช้เวลาที่เหลือไปทำอย่างอื่นได้ เราแค่เหนื่อยในช่วงแรกในการสร้างเครื่องมือหารายได้ จงเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เราจะได้มีความสุขในการหารายได้
วิธีสร้าง Passive Income มีอะไรบ้าง
- การหารายได้ ด้วยสินทรัพย์ทางการเงิน จำพวกหุ้นต่างๆ พวกเงินปันผลจากหุ้น ซึ้งหุ้นมีหลากหลายประเภท ทั้งมีความเสี่ยงมากและน้อย ฉะนั้นหากเราจะหารายได้จากหุ้นเราต้องมีการศึกษาที่ดีและชำนาญ ก่อนที่จะลงทุนในด้านนี้นะคะ
- การหารายได้ ด้วยทรัพย์สินทางปัญญา คือการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ เช่น หนังสือ เพลง การสร้าง Application หรือ software ต่างๆ เป็นการทำความสามารถมาแลกเปลี่ยนเป็นรายได้
- การหารายได้ ด้วยการตลาดออนไลน์ หรือ อินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง เป็นการเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ให้สอดครองกับความต้องการของตลาด หรือเราเรียกว่า "การทำเว็บไซค์" เช่น facebook , google, youtube เป็นต้น
- การหารายได้ ด้วยอสังหาริมทรัพย์ เป็นการมีสถานที่ต่างๆให้บริการเช่าเก็บรายได้เป็นรายเดือน หรือปี เป็นรายได้ที่การลงทุนในครั้งแรกค่อนข้างเยอะ แต่ผลกำไรระยะยาว
- การหารายได้ ด้วยการทำแฟรนไชส์ คุณรู้จัก 7/11 หรือป่าว ถ้าหากคุณรู้จักนั้นคือ แฟรนไชส์ เป็นการซื้อแฟรนไซส์เพื่อสร้างรายได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องลงมือขายหรือดูแล เป็นการลงทุนแล้วจะมีผู้ดูแลให้
- การหารายได้ ด้วยธุรกิจเครือข่าย (MLM) เป็นการได้รายได้แบบระยะยาวเช่นกัน แต่ผู้คนเริ่มให้ความนิยมและบางคนไม่ชอบธุรกิจนี้ แต่เห็นได้ว่าธุรกิจสามารถสร้างรายได้ให้กับบุคคลที่มีความสามารถในการทำธุรกิจได้ ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าการทำธุรกิจนี้ต้องเป็นงานขาย แต่มันมีทางเลือกหลากหลายในการทำรายได้จากเครือข่าย ยังมีนักธุรกิจหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจนี้ เช่น Richard Brannon , Tom Peters หรือ Donald trump เป็นต้น
ปัจจุบันมีธุรกิจเกี่ยวกับเครือข่ายแต่ไม่ใช่งานขายอีกต่อไป บริษัทจากอเมริกามีการร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวที่ทุกคนก็อยากไป + การทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ แล้วสร้างธุรกิจที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ถือว่าเป็นอีก อาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ (อาชีพนักท่องเที่ยว)
cr. รับจ้างท่องเที่ยวทั่วโลก
สรุปคือ Active income คือการที่ เอาแรง+เวลา+สุขภาพ แลกกับเงินถ้าหยุดหรือป่วย รายได้ก็หยุดไปด้วย
แต่ passive income คือ เอาแรง+เวลา+สุขภาพ เพื่อแลกกับทรัพย์สิน เพื่อให้ทรัพย์สิน สร้างรายได้แทนเรา แปลว่า หยุดหรือป่วยก็ยังมีรายได้
ยุคสมัยปัจจุบันนี้มีความทันสมัยของเทคโนโลยีมากมาย แล้วอาชีพที่สร้างรายได้คงไม่ใช่อาชีพที่ต้องใช้แรงงานอีกต่อไป ปัจจุบันมีผู้คนนิยมใช้ social media ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะ facebook intragram มี application หรือ software ต่างๆมากมายในการใช้ชีวิตปัจจุบัน ถือว่าเป็นปัจจัย 5 เลยก็ว่าได้ ปัจจุบันนี้ทุกคนตื่นมาสิ่งแรกที่จับก่อนไม้แปรงฟัน คือ "มือถือ" นั้นทำให้เห็นว่าปัจจุบันเห็นค่าของเทคโนโลยีและมีการพัฒนาความล้ำสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง ฉะนั้นคุณ จะเลือกแบบไหน?? ขึ้นอยู่กับคุณกำหนดไว้คะ
หากคุณอยากประสบความสำเร็จ และ อยากใช้อิสระภาพในการใช้ชีวิตที่ดีแล้วละก็???
"จงเลือกเป้าหมายให้ชัดเจน เปลี่ยนทัศนคติหรือวิธีคิดใหม่ กล้าทำในสิ่งใหม่และสิ่งที่รัก และหาผลลัพธ์ของชีวิตให้ได้ สุดท้ายความสำเร็จของตัวเองคืออะไร หามันแล้วลงมือทำเดียวนี้"
วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
สาเหตุสำคัญที่ผู้หญิงไม่อยากใช้ คำว่า "ยอมแพ้" เพราะผู้หญิงยุคนี้ต้อง Strong ....
ยุคสมัยปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากสมัยก่อนผู้หญิงต้องยอมรับฟังผู้นำครอบครัว สามี ผู้ชายเพราะผู้ชายมีความแข็งแรง อดทน ปกป้องบ้านเมือง เป็นเสาหลักแก่ประเทศชาติ ชายใดที่ไม่มีความกล้าหาญยอมโดนเปรียบ ให้ต้องใส่กระโปรงของผู้หญิง ผู้หญิงในสมัยก่อนต้องรักนวลสวงนตัว เป็นแม่บ้านแม่เรือน ต้องเป็นกุลสตรี เชื่อฟังผู้ใหญ่ ผู้ชายบอกให้ทำอะไรต้องทำตาม (ถ้าเป็นภรรยาบางทีต้องล้างเท้าให้สามี) ถือว่าเป็นสมัยทีผู้หญิงไม่ค่อยมีสิทธ์ในการออกความคิดเห็นได้เลย...
พอเวลาผ่านไป ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิ์ที่เท่าเทียมกัน แต่ก็มีบางเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราในยุคนี้ยอมไม่ได้เช่นกัน เพราะผู้หญิงสมัยนี้มีการศึกษา และระดับจิตใจที่สูงขึ้น มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น เรามาดูกันคะ ว่าเรื่องใดเป็นสาเหตุสำคัญที่ผู้หญิงอย่างเรา ต้องไม่ใช้คำว่า "ยอมแพ้"
การทำงาน ผู้หญิงยุคนี้เลือกที่จะทำงานนอกบ้านมากขึ้น เพราะผู้หญิงอย่างเรามีศักยภาพมากขึ้น มองการณ์ไกลมากขึ้นและเล็งเห็นได้ชัดเจนว่า บางครั้งผู้หญิงทำงานดีกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ สาเหตุที่ผู้หญิงกล้าที่จะออกมาทำงานนอกบ้าน เนื่องจากพวกเธอไม่เคยยอมแพ้กับโชคชะตา พวกเธอเชื่อว่าพวกเธอทำได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่งคือพวกเธอคิดว่าเราสามารถอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น Oprah Winfrey ผู้หญิงที่มีอิทธิพลในการทำงานทางด้านสื่อต่างประเทศ เธอยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นคนผิวดำที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20 เธอเป็นนักแสดง ผู้อำนวยการสร้าง โฆษกเป็นเจ้าของหนังสือนิตยสาสน์อีกหลายเล่มด้วยกัน เป็นนักจัดรายการวิทยุ เธอเป็นนักบุญผู้หาทุนช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ เธอและเพื่อนสนิทลงทุนบินไปสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เพื่อทำรายการ Oprah Christmas Kindness เป็นรายการพิเศษเพื่อการกุศลเพื่อเผยแพร่ความยากจนในหมู่คนผิวสีในแอฟริกา รายการดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมบริจาคมากมาย และได้รับเงินบริจาคจากผู้ชมทั่วโลกกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยกัน อดีตเธอเคยถูกรังแก ทำร้ายร่างกาย ถูกญาติถูกข่มขืนครั้งแรกที่เด็ก 9 ขวบเมื่อตอนที่เธออายุ 13 ปีเธอหนีออกจากบ้านเพราะพวกเขาทนต่อพฤติกรรมของคนเหล่านั้นไม่รู้จักพอตอนอายุ 14 ปีเธอเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ คนแรกตาย หลังคลอด ถึงแม้เธอจะเจอเรื่องร้ายๆมา แต่เธอไม่เคย "ยอมแพ้" กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย
พอเวลาผ่านไป ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิ์ที่เท่าเทียมกัน แต่ก็มีบางเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราในยุคนี้ยอมไม่ได้เช่นกัน เพราะผู้หญิงสมัยนี้มีการศึกษา และระดับจิตใจที่สูงขึ้น มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น เรามาดูกันคะ ว่าเรื่องใดเป็นสาเหตุสำคัญที่ผู้หญิงอย่างเรา ต้องไม่ใช้คำว่า "ยอมแพ้"

การทำงาน ผู้หญิงยุคนี้เลือกที่จะทำงานนอกบ้านมากขึ้น เพราะผู้หญิงอย่างเรามีศักยภาพมากขึ้น มองการณ์ไกลมากขึ้นและเล็งเห็นได้ชัดเจนว่า บางครั้งผู้หญิงทำงานดีกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ สาเหตุที่ผู้หญิงกล้าที่จะออกมาทำงานนอกบ้าน เนื่องจากพวกเธอไม่เคยยอมแพ้กับโชคชะตา พวกเธอเชื่อว่าพวกเธอทำได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่งคือพวกเธอคิดว่าเราสามารถอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น Oprah Winfrey ผู้หญิงที่มีอิทธิพลในการทำงานทางด้านสื่อต่างประเทศ เธอยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นคนผิวดำที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20 เธอเป็นนักแสดง ผู้อำนวยการสร้าง โฆษกเป็นเจ้าของหนังสือนิตยสาสน์อีกหลายเล่มด้วยกัน เป็นนักจัดรายการวิทยุ เธอเป็นนักบุญผู้หาทุนช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ เธอและเพื่อนสนิทลงทุนบินไปสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เพื่อทำรายการ Oprah Christmas Kindness เป็นรายการพิเศษเพื่อการกุศลเพื่อเผยแพร่ความยากจนในหมู่คนผิวสีในแอฟริกา รายการดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมบริจาคมากมาย และได้รับเงินบริจาคจากผู้ชมทั่วโลกกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยกัน อดีตเธอเคยถูกรังแก ทำร้ายร่างกาย ถูกญาติถูกข่มขืนครั้งแรกที่เด็ก 9 ขวบเมื่อตอนที่เธออายุ 13 ปีเธอหนีออกจากบ้านเพราะพวกเขาทนต่อพฤติกรรมของคนเหล่านั้นไม่รู้จักพอตอนอายุ 14 ปีเธอเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ คนแรกตาย หลังคลอด ถึงแม้เธอจะเจอเรื่องร้ายๆมา แต่เธอไม่เคย "ยอมแพ้" กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย
ครอบครัว ผู้หญิงขึ้นชื่อว่าเป็นเพศแม่แล้ว เรื่องครอบครัวก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้หญิง เพราะคำว่า "แม่" ไม่ได้มาง่ายๆ พวกเธอใช้จิตวิญญานทั้งหมดอุทิศให้กับคำว่า "ลูก" พวกเธอจะสอน ดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยห่าง พวกเธอยอมทำได้ทุกอย่างให้กับลูก ยอมเหนื่อย ยอมอดทน เพื่อให้ลูกของเธอสบาย ชีวิตคนเราเกิดมาไม่เท่ากันก็จริงแต่มี หนึ่งคนที่รักเราไม่เคยห่างไปไหน นั้นคือ ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า "แม่"
คู่ครอง เคยได้ยินคำนี้ไหมคะ "เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร" ผู้หญิงคนไหนที่ได้สามีที่ดี ยอมมีความสุขไปตลอดชีวิต แต่ถ้าเจอคนไม่ดี บางคนก็อาจจะทำเรื่องที่เลวร้าย เช่นทำร้ายร่างกาย สร้างความเดือนร้อน หรือบางคนอาจจะเป็นโรคซึ้มเศร้าไปได้เลย แต่จะมีผู้หญิงบางกลุ่มที่เข้มแข็งพอที่จะสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาผู้ชายอีก ในหัวข้อนี้จะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากเพราะจะมีผู้หญิง สองประเภทที่ใช้คำว่า "ไม่ยอมแพ้" แตกต่างกัน เช่น ประเภทแรกไม่ยอมแพ้ที่จะเสียคนที่รักไป ยอมทำทุกอย่างให้เขากลับคืนมา ประเภทที่สอง ไม่ยอมแพ้ให้กับผู้ชายที่เขามาเอาเปรียบหรือทำร้ายร่างกายหรือจิตใจของเราได้อีก ซึ่งคุณเป็นประเภทไหนลองพิจารณาดูนะคะ- ทำตามความฝันของตนเอง ผู้หญิงสมัยนี้มีเป้าหมายและความฝันอย่างชัดเจนคะ พวกเธอมีความพยายาม ความเพียร ความอดกลั้นค่อนข้างสูงให้การทำความฝันของพวกเธออย่างละเอียดอ่อนและประสบความสำเร็จได้ในเร็ววัน พวกเธอจะวาดภาพความสำเร็จไว้แล้ววางแผนลงมือทำอย่างรอบคอบ พวกเธอจะใช้ความรู้ที่มี ความเชื่อมั่น ความมั่นใจซึ่งผู้หญิงที่มีเป้าหมาย เขาจะใช้สิ่งเหล่านี้ในการทำความฝันของพวกเธอให้สำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น Stefani Joanne Angelina Germanotta (เลดี้ กาก้า) เธอเป็นนักร้อง นักแสดงชื่อดัง นักเต้น นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลง นักธุรกิจการศึกษาโรงเรียนศิลปะทิสช์ แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กาก้าได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงแนวแกลมร็อก โดยมีศิลปินอย่างเดวิด โบวี และวงควีน รวมทั้งนักร้องเพลงป็อป เช่น มาดอนนา และไมเคิล แจ็กสัน อีกทั้งแฟชั่น ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงและการแสดงของเธอ กาก้าอยู่ในอันดับที่ 73 ของศิลปินยุคคริสต์ทศวรรษที่ 2000 โดยการจัดลำดับของบิลบอร์ด ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 ยอดขายอัลบั้มของเธอทะลุ 15 ล้านสำเนา และ 51 ล้านซิงเกิลทั่วโลก นิตยสารไทม์ส จัดลำดับให้เลดี้ กาก้า อยู่ในรายชื่อไทม์ส 100 ที่รวบรวมบุคคลทรงอิทธิพลต่อโลกประจำ ค.ศ. 2010 และใน 100 อันดับบุคคลที่มีชื่อเสียงที่มีอิทธิพลต่อโลก ส่วนนิตยสารฟอบส์ ได้จัดอันดับให้เธออยู่ในอันดับที่ 7 ของผู้หญิงทรงอำนาจที่สุดในโลกประจำ ค.ศ. 2010
- มีผู้หญิงอีกคนคะที่อยากจะแนะนำ "เธอเป็นผู้หญิงที่อัปลักษณ์ แต่จิตใจงดงามที่สุดในโลก"
ไลซ์ซี่ เวลาสเกซ (Lizzie Velasquez) เด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคประหลาดมาตั้งแต่กำเนิด เธอเป็น 1 ใน 3 รายบนโลกที่ต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับเนื้อเยื้อไขมันใต้ผิวหนังที่ไม่สามารถเก็บไขมันไว้ใช้งานได้ ทำให้ร่างกายของเธอขาดไขมัน หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘โรคไร้ไขมัน’ นั้นเอง นอกจากนี้เธอยังมีปัญหาด้านการมองเห็น ที่สำคัญเธอน้ำหนักแค่ 27 กิโลกรัมเท่านั้น และมีแนวโน้มว่าจะลดลงเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องรับประทานอาหารทุกๆ 15 นาที เพื่อสร้างแคลอรี่ให้ได้มากที่สุด
รูปร่างภายนอกของไลซ์ซี่มีเพียงหนังหุ้มกระดูกไม่ต่างอะไรกับศพที่ยังมีลมหายใจ โชคร้ายไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เมื่อคนรอบข้างพากันรุมประณาม ด่าทอ ดูถูกเธอจนถึงขั้นตั้งฉายาให้ว่า ‘ผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดในโลก’ แต่ไลซ์ซี่เลือกที่จะไม่สนใจไยดีคำพูดเหล่านั้น เธอกลับนำมาเป็นแรงผลักดันต่อสู้ชีวิต เปลี่ยนมุมมอง สร้างทัศนคติที่ดีช่วยเหลือสังคมจากการอาสาเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก
ปัจจุบันไลซ์ซี่เรียนจบปริญญาโท สาขาการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส สเตท เธอทำงานเป็นนักพูดให้กำลังใจผู้คนที่ท้อแท้และยังเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คสร้างแรงบันดาลใจอีก 2 เล่ม คือ Lizzie Beautiful และ Be Beautiful Be You นอกจากนี้เธอยังมีงานอดิเรกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว นั้นคือการอัปโหลดวิดีโอผ่านเว็บไซต์เกี่ยวกับวิธีการรับมือผู้ที่ดูถูกดูแคลนหรือแนวทางคิดบวกเมื่อเจอกับปัญหาร้ายๆไลซ์ซี่ ไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก แต่เธอมีหัวใจที่งดงามที่สุดในโลก ก็อย่างที่เธอเคยกล่าวไว้นั่นล่ะ “บางทีคุณควรหยุดจ้องมองฉันและเริ่มที่จะเรียนรู้” -
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
ความพยายามของ "แพะภูเขา" แม้แต่คนยังอาย...?
แพะภูเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่พบในความสูงขนาดที่มัน อาศัยอยู่ คือสูงประมาณ 4 พันเมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ก็มีอพยพขึ้นสูงกว่านี้บ้าง ลงต่ำกว่านี้บ้าง ตามฤดู
ขนของมันช่วยปกป้องพวกมันจากอากาศหนาวเย็นอันหฤโหด เนื่องจากพวกมันอยู่ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก อากาศบริเวณนั้นจึงหนาวถึงขั้นติดลบ และที่ขนของพวกมันช่วยป้องกันความหนาวได้นั้น ก็เพราะมีสองชั้น ชั้นในจะสั้น ส่วนชั้นนอกจะยาวกว่า
ในหน้าหนาว ขนสองชั้นนี้จะช่วยป้องกันอากาศหนาวได้ถึง -46 องศาเซลเซียส และป้องกันลมที่มีความแรงได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกมันจะผลัดขนด้วยการเอาตัวไปถูกับต้นไม้หรือหิน
ส่วนที่พวกแพะภูเขาปีนเขาได้เก่งๆ แบบนี้ ก็เพราะพวกมันมีกีบเท้าที่สร้างมาเพื่อการปีนป่ายโดยเฉพาะ คือหนาและสาก ยึดเกาะได้ดี
แน่นอน เป็นแพะก็ต้องกินหญ้า ไม่เว้นแม้แต่แพะภูเขา พวกมันเป็นมังสวิรัติ และจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเล็มหญ้า เคี้ยวเอื้อง อาหารของพวกมันได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆ ใบเฟิร์น สมุนไพร มอส ใบไม้จากต้นไม้เล็กๆ และต้นสน
ส่วนสาเหตุที่พวกมันต้องปีนหน้าผากายกรรมกันแบบนี้ ก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน
อย่างแรกเลยคือ เพื่อหาอาหาร และหลบภัยจากสัตว์นักล่า เหตุผลนี้ทำให้มันต้องปีนหน้าผาทุกวัน เพื่อหลบซ่อนและพักอาศัย
อย่างที่สองคือ เพื่อหาแร่ธาตุ ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดโปรดของแพะภูเขาในช่วงฤดูหนาว แพะภูเขาจะไต่หน้าผาลงมาจากระดับ 4 พันเมตรที่พวกมันอยู่ มาที่หน้าผาระดับต่ำ เพื่อ "เลีย" แร่ธาตุจำพวกเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ บนเนื้อหิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกมันมาก อาจจะต้องเดินทางหลายกิโลเมตรในแนวตั้งเลยทีเดียว
ความพยายาม คือ ความอดทนเพื่อไปสู่ความสำเร็จ
แต่อุปสรรค คือ ระยะทางและวิธีที่ทำให้เราเข้มแข็ง เช่นเดียวกับแพะภูเขา
แพะภูเขามีลักษณะคือ
- ชอบอยู่ที่สูง
- ไม่ชอบทำร้ายใคร
- มีความอดทนสูงต่ออากาศหนาว
- มีความพยายามในการไล่ภูเขา
- รู้จักเลือกหนทางในการหลบหลีกศัตรู
- มีความกล้า บ้าบิ่น
คุณเคยคิดไหมละคะว่า ? ขนาดสิ่งมีชีวิตยังรู้จักพัฒนาตนเอง หาวิธีการในการดำรงอยู่รอดได้ ยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ตนเองสามารถมีชีวิตรอด พยายามและอดทนให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้......
แล้วคุณล่ะ .... ?
ยอมแพ้หรือป่าว ...?
คุณพยายามพอหรือไหม....?
คุณเจอวิธีที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จและอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้หรือยัง....?
คุณสามารถดูแลคนที่คุณรักได้แล้วหรือไหม...?
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะในการดำเนินชีวิตต่อไป..เชื่อคะว่าทุกคนบนโลกนี้ทำได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)